สังขละบุรี มนต์เสน่ห์แห่งเมืองม่านหมอกฝน

สังขละบุรี อีกหนึ่งเมืองที่ใครหลาย ๆ คนได้ไปแล้ว ต้องบอกเลยว่ากลับมาที่นี่อีกแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน รวมไปถึงอาหารหลากหลาย มีความอร่อยและแปลกใหม่ หลากหลายวัฒนธรรม สถานที่สวยงาม บรรยากาศที่ชวนให้หลงใหล ไม่ว่าใครได้ไป ต่างก็บอกได้เลยว่า "หลงสน่ห์สังขละบุรี

"

สังขละบุรี เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เมืองที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ทั้งมอญ กะเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า เดิมสังขละบุรี มีชื่อเรียกว่า "สังเคลียะ" เป็นภาษาพม่า และ "สังคละ" เป็นชนพื้นเมืองเดิม ที่หมายถึง การผสมผสานคละเคล้าของคนต่างชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอ ตามประวัติศาสตร์เมืองสังขละบุรี เป็นเมืองหน้าด่าน มีอาณาเขตติดต่อกับพม่า

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น ทหารฝ่ายพม่ามักยกทัพ เข้ามาโจมตีเพื่อรุกรานประเทศไทย ทางฝ่ายพม่ามักใช้เส้นทางผ่านเข้ามาทางเจดีย์สามองค์ จึงทำให้เกิดประวัติศาสตร์มากมาย ในปี พ.ศ. 2438 ได้รับการยกฐานะ เป็นอำเภอ ชื่อ "อำเภอวังกะ" ต่อมาได้ยุบชื่ออำเภอ และในปี พ.ศ. 2482 มีฐนะเป็นกิ่งอำเภอสังขละบุรี และยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอ สังขละบุรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2508 นั่นเองค่ะ

เราเดินทางไปสังขละบุรีหลายครั้ง และทุกครั้งที่ไป เราก็มีความสุขทุกครั้งเช่นกันค่ะ ระหว่างการเดินทางอาจจะเมารถไปบ้าง เนื่องจากก่อนเข้าเมือง เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาค่อนข้างเยอะ การเดินทางของเรานั่งรถตู้ไปค่ะ จากตัวเมืองกาญจบุรี ราคา 175 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ปัจจุบันมีแต่รถตู้แล้วนะคะ รถหวานเย็น (รถบัสคันสีส้ม) แทบจะไม่มีแล้ว เหลือวันละ 1-2 เที่ยวต่อวันเองค่ะ หรือหากจะขับรถไปก็ได้นะคะ แต่จะต้องระมัดระวังเส้นทางพอสมควร แต่ระหว่างทางก็สวยมาก ๆ เช่นกันค่ะ มีสถานที่ให้เราได้แวะก่อนถึงสังขละหลายที่เลย แต่แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของเรา ก็คือเมืองม่านหมอกฝน สังขละบุรีนั่นเอง

วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มารูจัก สังขละบุรี ให้มากขึ้นผ่านสถานที่เหล่านี้ค่ะ

สะพานมอญ

สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กของสังขละบุรีเลยค่ะ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ไปยังหมู่บ้านมอญ และยังถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ที่สะพานมอญหลาย ๆ คน ชอบใส่ชุดมอญมาถ่ายรูปกันเยอะเลยค่ะ คึกคักมาก ช่วงเช้าคนนิยมมาตักบาตรกัน แต่ถ้ามาเช้า ๆ แล้วเจอหมอกลอยขึ้นเหนือแม่น้ำ บอกเลยว่าฟินสุด ๆ  

วัดจมน้ำ หรือวัดวังก์วิเวการาม

วัดวังก์วิเวการาม หรือวัดใต้น้ำ หรือวัดจมน้ำ เป็นสถานที่ที่หลาย ๆ คน ก็ไม่ควรพลาดเช่นกันค่ะ เนื่องจากมีการก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้วัดแห่งนี้ต้องจมอยู่ใต้น้ำ และย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาแทนเป็น วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) ส่วนวัดเดิมก็จมอยู่ใต้น้ำ วัดจมน้ำเป็นไฮท์ไลต์เลยค่ะ ยิ่งช่วง มีนาคม - พฤษภาคม เป็นช่วงที่น้ำลด นักท่องเที่ยวก็สามารถเดินเข้าไปชมภายในวัดได้ด้วยค่ะ ผู้คนนิยมล่องเรือไปชมมาก ๆ เลยแหละ

วัดหลวงพ่ออุตตมะ หรือวัดวังก์วิเวการาม 

สร้างโดย พระราชอุดมมงคล หรือ หลวงพ่ออุตตมะ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เชื้อสายมอญที่ชาวบ้านเคารพนับถือ โดยท่านได้รวบรวมชาวกะเหรี่ยง ชาวมอญ รวมทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีช่วยกันสร้างวัดขึ้น วัดแห่งนี้จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อนั่นเองค่ะ

ต่อมาเมื่อมีการสร้างเขื่อน ทำให้ย้ายวัดขึ้นไปตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน ส่วนวัดเดิมก็จมอยู่ใต้น้ำ สถานที่สำคัญภายในบริเวณวัดใหม่ คือ ศาลาประดิษฐานสังขารหลวงพ่ออุตตมะ วิหารพระพุทธรูปหินอ่อน และเจดีย์พุทธคยาจำลองค่ะ บอกเลยว่าสวยมาก ๆ ที่จริงคือสุด ๆ เลยค่ะ

เจดีย์พุทธคยา

เจดีย์ที่มีความสวยสดงดงาม มองเห็นแต่ไกลเลยค่ะ ด้วยทองสีทองโดดเด่น ด้านหน้าทางเข้าเจดีย์ มีสิงห์แบบมอญ 2 ตัว ยืนเฝ้าบันไดทางขึ้นที่ทอดยาว พาขึ้นสู่ตัวเจดีย์ทรงเหลี่ยมฐานจัตุรัส มีเจดีย์เล็กทรงกลมแบบมอญสร้างอยู่บนยอดบนสุด ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะได้อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา มาไว้ให้สักการะบูชาอีกด้วยค่ะ

ด่านเจดีย์สามองค์

เดินทางจากอำเภอสังขละบุรี ไปประมาณ 20 กว่ากิโลค่ะ เป็นด่านชายแดนระหว่างไทยกับพม่า ไฮท์ไลต์คือ เจดีย์สีขาวสามองค์ที่ตั้งอยู่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ส่วนรอบ ๆ ชายแดน มีของขายเยอะมาก และนอกจากนี้ยังข้ามชายแดนไป พญาตองซู ของเมียนมาร์ (พม่า) ได้อีกด้วยค่ะ แอบกระซิบว่าของถูกมาก ๆ เลยละค่ะ

ถนนคนเดินสังขละบุรี

แนะนำว่าให้มาวัดเสาร์นะคะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเดินถนนคนเดิน แต่ถ้าตลาดปกติ ก็มีเปิดทุกวันเลยค่ะ โดยตลาดจะอยู่ในจุดที่รถตู้ปล่อยเราลงนะคะ เราขอบอกเลยว่าถนนคนเดินที่นี่ ของกินไม่แพ้ที่อื่นเลยค่ะ อาหารเยอะมาก ๆ ของกินที่เราอยากแนะนำเลย ก็คือ "หมูจุ่มพม่า" บางร้านก็ขายไม้ละ 1 บาท 2 บาท ก็ตามแต่ร้าน นั่งทานที่ร้านเลยค่ะ แม่ค้าให้เราหยิบได้เลย มีน้ำจิ้มแยกของใครของมัน ส่วนทานเสร็จก็นับไม้แล้วจ่ายเงินค่ะ ส่วนอาหารอื่น ๆ ก็อร่อยมากเลย ราคาไม่แพง อีกอย่างเราว่าซาโมซาที่นี่อร่อยจริง ๆ นะ

วัดห้วยมาลัย

วัดห้วยมาลัย ที่บ้านห้วยมาลัย ห่างจากสังขละบุรี มาประมาณ 20 กิโลค่ะ อยู่สุดชายแดนไทย ระหว่างทางสวยมาก ๆ ยิ่งช่วงที่มีเมฆฝนด้วย บรรยากาศดีสุด ๆ ไปเลยค่ะ ภายในวัดห้วยมาลัย มี "พระเจดีย์สุพรรณภูมิ" ที่ออกแบบโดยอดีตเจ้าอาวาสพระอธิการสันติ สนตกาโร ภายในพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอีกด้วยค่ะ ส่วนข้างๆ วัด ยามเช้าก็มีตลาดมอญอีกด้วย อาหารอร่อย ๆ เยอะเลยค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับสังขละบุรี เห็นแบบนี้แล้ว ทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็สามารถเดินทางไปได้แล้วค่ะ สำหรับคนที่รักธรรมชาติ หรือชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ราคาไม่แพงด้วย ขอแนะนำเลยค่ะ หรือถัดจากสังขละบุรีแล้ว จะไปเที่ยวปิล็อกต่อ ถึงแยกทองผาภูมิแล้ว เลี้ยวขวาได้เลยค่ะ